SPIDER MODEL : เป็นการนำเสนอแนวคิดทางธุรกิจไว้ ใน 1 หน้ ากระดาษ
เพื่อให้ เห็นภาพไอเดียธุรกิจที่ชัดเจนและเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยต่างๆ
ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพัฒนามาจาก Business Canvas* และ Lean
Canvas การนำเสนอภายใต้ กรอบโมเดลนี้จะทำให้
ผู้ประกอบการและนักลงทุนสามารถวิเคราะห์ ภาพรวมของความเป็นไปได้ ทางธุรกิจ
โดยวิเคราะห์ตามขั้นตอนในการคิดแบบเชื่อมโยงของปัจจัยต่างๆ
ที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ และสามารถประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น คือ
1. Product Risk
2. Customer Risk
3. Market Risk
4. Financial Risk
รวมถึงการประเมินร่วมกับปัจจัยสนับสนุนและอุปสรรค
เพื่อวิเคราะห์ ว่าแนวคิดที่ผู้ประกอบการนำเสนอมีความเป็นไปได้ (Feasibility)
ภายใต้
สถานการณ์ ณ ปัจจุบันมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามระดับของความเป็นไปได้
ย่อมขึ้นอยู่ กับดุลยพินิจของนักลงทุน แต่ ละคนว่าสามารถรับความเสี่ยงได้
มากน้อยแค่ไหนเทียบกับผลตอบแทนที่ได้ รับโมเดลนี้มีวัตถุประสงค์ ให้
ผู้ประกอบการได้ นำเสนอแนวคิดที่นอกจากจะเห็นภาพไอเดียของตัวธุรกิจแล้วยังครอบคลุม
ปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอย่างครบถ้วน รวมทั้งช่วยให้
เห็นภาพด้านผลตอบแทนและความเสี่ยงของธุรกิจได้
ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วยคำอธิบายตามกรอบ SPIDER MODEL
สินค้าและบริการ
: ประเภทของผลิตภัณฑ์และบริการที่ต้องการนำเสนอ
1. ปัญหาของลูกค้ า (Problem) : เป็นการคิดโดยใช้ ความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง (ที่เรียกว่า Customer Development) โดยระบุปัญหาที่ลูกค้าเจอคืออะไร ผู้ประกอบการจะสามารถวิเคราะห์ได้ ถึงขนาดของตลาดว่าใหญ่ หรือเล็กเพียงใด ได้โดยประมาณการจากจำนวนของลูกค้าที่ต้องเจอกับปัญหาดังกล่าว
1. ปัญหาของลูกค้ า (Problem) : เป็นการคิดโดยใช้ ความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง (ที่เรียกว่า Customer Development) โดยระบุปัญหาที่ลูกค้าเจอคืออะไร ผู้ประกอบการจะสามารถวิเคราะห์ได้ ถึงขนาดของตลาดว่าใหญ่ หรือเล็กเพียงใด ได้โดยประมาณการจากจำนวนของลูกค้าที่ต้องเจอกับปัญหาดังกล่าว
2. ทางออกของปัญหา (Solution) : สินค้าของเราสามารถแก้ ปัญหาของลูกค้าได้ อย่างไร
เป็นการนำเสนอทางเลือกในการออกจากปัญหาด้วยวิธีการที่แตกต่างจากสินค้าเดิมในตลาด
เพื่อให้เข้าถึงโอกาสทางการตลาดและการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
3. คุณค่าของสินค้าที่นำเสนอ (Unique Value Proposition) : คุณค่าหลักของสินค้าและบริการที่ต้องการนำเสนอ
จะเห็นว่าใช้ คำว่า Unique คือเป็นคุณค่าหลักที่ต้องแตกต่างจากคู่
แข่งหรือสินค้าเดิมในตลาด 4. กลุ่มเป้าหมาย (Target Customer) : การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าของธุรกิจ
ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ยอมควักเงินซื้อสินค้ าและบริการของเรา
5. ช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (Channel) : วิธีการที่จะนำสินค้าให้
เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงการกระจายสินค้า ซึ่งอาจทำได้หลากหลายวิธี
6. ทรัพยากรหลักที่มี (Key Resource) : ซึ่งเป็นได้ทั้งคน
ทรัพย์สิน ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นทรัพยากรที่มีและใช้ สร้างความได้
เปรียบด้านการแข่งขันให้ กับธุรกิจได้ หรือเป็นทรัพยากรที่ช่วยสนับสนุนให้
แผนธุรกิจดังกล่าวมีความเป็นไปได้ ลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการและนักลงทุน
7. กิจกรรมหลักของธุรกิจ (Key Activities) : เป็นการดำเนินงานหลักของธุรกิจที่จะทำให้
เกิด Unique Value Proposition ในสินค้าและบริการ เรียกได้
ว่าเป็นกิจกรรมที่จะทำให้โมเดลนี้ทำงานก็ว่าได้
8. กระแสรายได้ (Revenue Stream) : ช่
องทางของรายได้ที่เข้ามาให้เห็นความชัดเจนว่าธุรกิจจะมีรายได้ จากช่องทางไหน อย่างไร
และเท่าไร
9. ต้นทุน (Cost Structure) : ค่าใช้จ่ายหลักของธุรกิจคืออะไรและเท่าไร
ทั้งส่วนที่เป็นต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และต้นทุนผันแปร (Variable Cost)
10. จุดคุ้มทุน (Break Event) : การประมาณการถึงจุดที่ธุรกิจสามารถทำกำไรได้
เท่ากับต้นทุนที่ลงไป อาจเป็นจำนวนชิ้น หรือเป็นระยะเวลา เพื่อให้ ผู้ประกอบการและนักลงทุนใช้
เป็นแนวทางในการวางแผนด้านการเงินให้ เหมาะสม
11. 4 กรอบสุดท้าย คือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกิจ
เพื่อประเมินว่าธุรกิจมีจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคที่ต้องพบอย่างไรบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น